วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

ประวัติปราจีน

ปราจีนบุรี เคยเป็นดินแดงที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี และมีการพัฒนาการต่อเนื่องมาจนถึงสมัยลพบุรี ประมาณ 800 ปีก่อน ปรากฏหลักฐานเป็นซากเมืองโบราณที่เรียกว่า "เมืองศรีมโหสถ" ที่ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ และทางด้านทิศตะวันออกของเมืองศรีมโหสถ ที่บริเวณบ้านโคกขวาง อำเภอศรีมหาโพธิ ยังมีชุมชนโบราณ มีอายุร่วมสมัยเดียวกันกับเมือง ศรีมโหสถอีกด้วย บริเวณซากเมืองโบราณเหล่านี้มีซากโบราณสถานซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรม ศาสนกิจและโบราณวัตถุ ได้แก่ พระพุทธรูป เทวรูป เครื่องปั้นดินเผา เครื่องสำริด เครื่องมือ เครื่องใช้ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ในสมัยต่อมาศูนย์กลางความเจริญได้ย้ายมาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงเช่นปัจจุบัน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกว่า "เมืองปราจีน" ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ยังเรียกว่า "เมืองปราจิณ" หรือ "มณฑลปราจิณ" จวบจนสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบการปกครองแผ่นดินตามแบบต่างประเทศมณฑลปราจิณ ได้ถูกยุบเลิก คงมีฐานะเป็นเพียงหัวเมืองหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมือง เป็นจังหวัด จึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า จังหวัดปราจีนบุรี

ประวัติวันแม่

ความหมาย
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ไว้ดังนี้
แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน พุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ซึ่งหมายถึง หญิงที่มีครอบครัวไว้หลายนัย เช่น
๑) แม่ บางทีเรียกว่า มารดา มารดร หมายถึง เป็นใหญ่ เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง เป็นต้น อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ภายในกิจการนั้นๆ ในที่นี้มาใช้กับผู้ให้กำเนิดแก่ลูกและหาตัวแทนไม่ได้
- หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก และหาตัวแทนไม่ได้
- คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
- คนที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นนาย โดยไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง เช่น แม่ทัพ แม่กอง ฯลฯ
รวมความแล้ว "แม่" คือ ผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน โดยการรับผิดชอบนั้นมีขอบเขตภายในบ้านเรือน
๒) ชนนี หมายถึง ผู้ให้กำเนิดลูก, เป็นที่บังเกิดเกล้าของลูก
๓) ภรรยา หรือภริยา หมายถึง
- เมีย หรือ หญิงผู้เป็นคู่ครองของชาย
- ผู้เลี้ยง หรือผู้ดูแลสมาชิกของครอบครัว
ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ
วันแม่แห่งชาติหรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและ ซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ ตรงกับวัน เฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือวันที่ ๑๒ สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่แห่งชาติด้วยแต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาวันที่ ๑๕ เมษายน ของทุกๆ ปีทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี ประกาศรับรอง เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดีด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงาน ให้กว้างออกไปได้ การจัดงานไม่เพียงแต่จัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังจัดให้มีการประกวดแม่ของชาติ ประกวดคำขัวญวันแม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกียรติแก่แม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของงานวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้น ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม (สมัยนั้น) แต่ทั่วไปเรียกกันว่า วันแม่ของชาติ
ต่อมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๙ ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นต้นมา จากหนังสือของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ชื่อแม่หลวงของปวงชน พิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ มีข้อความตอนหนึ่งเทิดพรเกียรติไว้ว่า
"แม่ที่ดีย่อมรู้จักส่งเสริมธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เพราะแม่ทราบดีว่าถ้าขาดสิ่งเหล่านี้แล้ว ความเป็นไทยที่แท้จริงจะมิปรากฏอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
แม่ที่ดีย่อมประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามระบอบของการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยรักเคารพและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใด หญิงไทยทุกคน ย่อมจะมีคุณลักษณะต่างๆ ของแม่ที่ดีดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่แล้วจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการศึกษาและการฝึกหัดอบรม แต่จะหาหญิงใดที่มีคุณลักษณะครบถ้วนทุกประการเสมอเหมือน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นั้นไม่ง่ายนัก ด้วยเหตุนี้เราจึงขอเทิดทูนพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ ว่าทรงเป็นแม่หลวงของปวงชน ผู้ทรงเป็นศรีสง่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของบ้านเมืองและของปวงชนชาวไทยทั้งมวล"ดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของวันแม่ของชาติตามเหตุผลของทางราชการ
ส่วนที่เกี่ยวกับวันแม่ของไทยตามความรู้สึกนึกคิดทั่วไปของคนไทยผู้เป็นแม่ คำว่า แม่ นี้เป็นคำที่ซาบซึ้ง ไม่มีการกำหนด วัน เวลา แต่มีความหมายลึกซึ้งกินใจของผู้เป็นแม่และลูกมานานแล้ว ดังสำนวนไทยประโยคหนึ่งว่า "แม่ใครมาน้ำตาใครไหล" ซึ่งพระวรเวทย์พิสิฐได้อธิบายไว้ในหนังสือวรรณกรรมเรื่อง "แม่" ว่า "เด็กไทยตามหมู่บ้านในสมัยที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กมักเล่นกันเป็นหมู่ๆ เด็กคนไหนแม่อยู่บ้าน เวลาเขาเล่นอยู่ในหมู่เพื่อนหน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เด็กคนไหนที่แม่ไม่อยู่บ้าน ต่างว่าไปทำมาหากินไกลๆ หรือ ไปธุระที่ไหนนานๆ ก็มีหน้าตาเหงาหงอย ถึงจะเล่นสนุกสนานไปกับเพื่อนในเวลานั้นก็พลอยสนุกไปแกนๆ จนเด็กเพื่อนๆ กันรู้กิริยาอาการ เพราะฉะนั้น พอเด็กๆ เพื่อนๆ แลเห็นแม่เดินกลับมาแต่ไกล ก็พากันร้องขึ้นว่า แม่ใครมาน้ำตาใครไหล แล้วเด็กคนนั้นผละจากเพื่อนเล่นวิ่งไปหาแม่ กอดแม่ น้ำตาไหลพรากๆ ด้วยความปลื้มปิติ แล้วจึงหัวเราะออก ลักษณะอาการที่เด็กแสดงออกมาจากน้ำใจอันแท้จริงอย่างนี้ ย่อมเกิดจากความสนิทสนม ชิดเชื้อมีเยื่อใยต่อกัน แม่ไปไหนจากบ้านก็คิดถึงลูกและลูกก็เปล่าเปลี่ยวใจเมื่อแม่ไม่อยู่บ้าน นี่คือธรรมชาติ ไม่มีใครสร้างสรรค์บันดาล มันเกิดขึ้นเอง"และอีกตอนหนึ่งในหนังสือเล่มเดิมที่อ้างข้างต้นให้ความหมายของคำว่า "แม่" ว่า "เสียงที่เปล่งออกมาจากปาก เป็นคำที่มีความหมายว่า แม่ เป็นเสียงและความหมายที่ลึกซึ้งใจมีรสเมตตาคุณ กรุณาคุณและความรักอยู่ในคำนี้บริบูรณ์ เด็กน้อยที่เหลียวหาแม่ไม่เห็นก็ส่งเสียงตะโกนเรียก แม่ แม่ ถ้าไม่เห็นก็ร้องไห้จ้า ถ้าเห็๋นแม่มาก็หัวเราะได้ทั้งน้ำตา นี่เพราะอะไร เราเดาใจเด็กว่า เมื่อไม่เห็นแม่เด็กต้องรู้สึกใจหายดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าขาดผู้ที่ปกปักรักษาให้ปลอดภัย แต่พอเห็นแม่เข้าเท่านั้นก็อุ่นใจ ไม่กลัวเกรงอะไรทั้งหมดเราที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อเอ่ยคำว่าแม่ขึ้นทีไร ก็มักจะรู้สึกเกินออกไปจากความหมายที่เป็นชื่อเท่านั้น ย่อมนึกถึงความสัมพันธ์ที่แม่มีต่อเราเกือบทุกครั้ง แม่รักลูกถนอมลูก หวังดีต่อลูก จะไปไหนจากบ้านก็เป็นห่วงลูก ถึงกับแบ่งของรับประทานนั้นไว้ให้ลูก ลักษณะเหล่านี้ย่อมตรึงใจเรามิวาย"อย่างไรก็ตาม การที่ทางราชการประกาศกำหนดวันที่ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ย่อมก่อให้เกิดวันอันเป็นที่ระลึกที่สำคัญยิ่งของไทยเราวันหนึ่ง และกำหนดให้ถือว่า ดอกมะลิ สีขาวบริสุทธิ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่ตัวเรา อย่างคำประพันธ์บทดอกสร้อยชื่อ แม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ที่ว่า
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย

ประวัติวันพ่อ


วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดย คุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็น ผู้ริเริ่ม

หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อ เนื่องจาก พ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบ แทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ

อีกทั้งยังทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและ พระราชธิดาที่ทรงรักใคร่ห่วงใย ตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน และพระเจ้าหลานเธอทุก ๆ พระองค์ต่างซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระ เมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นพระโอรสองค์เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชกรมหลวงสงขลานครินทร์และพระบาทสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออร์เบินณ์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเซสท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระองค์ทรงมีพระเชษฐาธิราช (พี่ชาย) และพระเชษฐภคินี (พี่สาว) 2พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8)

ประวัติวันครู

วันครู
ความหมาย
    ครู  หมายถึงผู้อบรมสั่งสอน  ผู้ถ่ายทอดความรู้  ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา  และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่
ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ
ประวัติความเป็นมา
   วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่  16  มกราคม  พ.ศ. 2500  สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูใน
ราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล
และให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา  โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็น
ในเรื่องนโยบายการศึกษา  และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ  จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว
ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร  ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
    ด้วยเหตุนี้ในทุกๆปี  คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี  เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศ
แถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา  พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมี
คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย  สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุม"สามัคคยาจารย์"
หอประชุมของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย  ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุสภา
    ปี พ.ศ. 2499  ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี  จอมพล ป.  พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการ
อำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์  ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจาก
ผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย  ข้าพเจ้าคิดว่า"วันครู"ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดา
ลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย  เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไป
ถ้าถึงวันตรุษ  วันสงกรานต์  เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ  ทำทาน  คนที่สองรองลงไปก็คือ
ครูผู้เสียสละทั้งหลาย  ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย  ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ
ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
    จากแนวความคิดนี้  กอรปกับคว่ทคอดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วนเรียกร้องให้มี"วันครู"
เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ  ประกอบคุณงามความดีเพื่แประโยชน์ของชาติ
และประชาชนเป็นอันมาก  ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มี
"วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป  โดยได้เสนอในหลักการว่า  เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณ
บูรพาจารย์  ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู  และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน
     ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  21  พฤศจิกายน  2499  ให้วันที่  16  มกราคม  ของทุกปีเป็น"วันครู"
โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่  16  มกราคม  พ.ศ. 2488 เป็นวันครู
และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้
     การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่  16  มกราคม  2500  ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติ
เป็นที่จัดงาน  งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ
หนังสือประวัติครู  หนังสือที่ระลึกวันครู  และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
     การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา  ในปัจจุบัน
ได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม  3  ประเภทใหญ่ดังนี้
     1.กิจกรรมทางศาสนา
     2.พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์  ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน  การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
     3.กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู  สา่วนมากจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริง

     ปัจจุบันการจัดงานวันครู  ได้กำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ  สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภา  โดยมี
คณะกรรมการจัดงานวันครูซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน  ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด
สำหรับส่วนภูมิภาคให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ  โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกันกับส่วนกลาง
จะรวมกันจัดที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้
     รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง(หอประชุมคุรุสภา)  พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ประธานอำนวยการคุรุสภา  คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา  คณะกรรมการจัดงานวันครู  พร้อมด้วยครูอาจารย์
และประชาชนร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์  จำนวน 1,000  รูป  หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธี
ในหอประชุมคุรุสภา  นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน  ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์  นายกรัฐมนตรี
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย  ประธานฝ่ายสงฆ์ให้ศีล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงาน
ต่อนายกรัฐมนตรี  เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครู"อาวุโส"นอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึก
ถึงพระคุณบูรพาจารย์  ดังนี้
                 ปาเจราจริยา  โหนติ  คุณุตตรานุสาสกา
(วสันตดิลกฉันท์) ประพันธ์ โดยพระวรเวทย์พิสิฐ(วรเวทย์   ศิวะศรียานนท์)
                    ข้าขอประนมกรกระพุ่ม
อภิวาทนาการ
          กราบคุณอดุลคุรุประทาน
หิตเทิดทวีสรร
                   สิ่งสมอุดมคติประพฤติ
นรยึดประคองธรรม์
          ครูชี้วิถีทุษอนันต์
อนุสาสน์ประภาษสอน
                   ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน
นะตระการสถาพร
          ท่านแจ้งแสดงนิติบวร
ดนุยลอุบลสาร
                    โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร
ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
          ไป่เบื่อก็เพื่อดรุณชาญ
ลุฉลาดประสาทสรรพ์
                    บาปบุญก็สุนทรแถลง
ธุระแจงประจักษ์แจ้งครัน
          เพื่อศิษย์สฤษดิ์คติจรัล
มนเทิดผดุงธรรม
                    ปวงข้าประดานิกรศิษย์
(ษ)ยะคิดระลึกคำ
          ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ
อนุสรณ์เผดียงคุณ
                    โปรดอวยสุพิธพรเอนก
อดิเรกเพราะแรงบุญ
          ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน
ทรศิษย์เสมอเทอญ ฯ
                   ปัญญาวุฒิกเรเตเต  ทินโนวาเท  นมามิหัง
          จากนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง  1  นาที  เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
  ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้
               ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
               ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
               ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
          จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา  นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี  มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและใน
ประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้โอวาทแก่ครูที่มาประชุม
       จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู
 
            1.เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
             2.ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ  ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
             3.ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่  อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์  จะละทิ้งหรือทอดทิ้ง
                หน้าที่การงานไม่ได้
             4.รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใดๆอันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
             5.ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา  และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
                ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
             6.ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง  ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริต
                 หรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
             7.ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน  และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำ
                 ผลงานของผู้อื่นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
             8.ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต  และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรม  ไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง
                 หรือผู้อื่นโดยมิชอบ
             9.สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์  รักษาความลับของศิษย์  ของผู้ร่วมงานและสถานศึกษา
           10.รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหน้าที่การงาน

ประวัติวันคริสต์มาส

            คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas) Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปีค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปีค.ศ.64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปีค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย สำหรับองค์ประกอบในงานฉลองวันคริสต์มาสมีความเป็นมาเช่นกัน เริ่มที่คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ปิดท้ายที่ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน ต้องย้อนไปศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก

คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี สำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสาร โบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพร คนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส

ประวัติวันวาเลนไทน์

ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก
ประวัติวาเลนไทน์ วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine’s Day) หรือที่เป็นที่รู้จักว่า วันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ ซึ่งโดยมากจะไม่ระบุชื่อ วันนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับความรักแบบชู้สาวในช่วงยุค High Middle Ages เมื่อประเพณีความรักแบบช่างเอาใจ (courtly love) แผ่ขยาย
ประวัติวันวาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลาย ครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย
และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศีรษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์
 
ประวัตินักบุญวาเลนไทน์
นักบุญวาเลนไทน์ ทำให้จักรพรรดิที่โรมเกิดความสำนึก และผู้พิพากษาได้กลับใจมาเป็นคาทอลิกเพราะท่านนักบุญทำให้บุตรสาวของเขาหาย จากตาบอด
วา เลนไทน์ บวชเป็นพระสงฆ์ที่กรุงโรมและได้เป็นพระสังฆราชในเวลาต่อมา ท่านได้ถูกจับโดยคำสั่งของจักรพรรดิโกลดิโอ ที่ 2 เพราะท่านขึ้นชื่อลือเด่นในทางบำเพ็ญฤทธิ์กุศลหลายประการขั้นแรกจักรพรรดิ ทรงซักถามวาเลนไทน์ด้วยความมักรู้มักเห็น แต่ต่อมาทรงรู้สึกสนพระทัยในคำสอนของคริสตัง ที่สุดพระองค์ตรัสว่า : “คำสอนของบุรุษผู้นี้ฟังแล้วจับใจจริง ๆ แต่ในขณะที่พระองค์ทรงเริ่มมีความเชื่อ ท่านผู้ว่าราชการกรุงโรมก็จัดให้ผู้พิพากษานายหนึ่งเข้ามาซักถามท่านวาเลน ไทน์ ผู้พิพากษาคนนี้เยาะเย้ยท่านในเรื่องที่คริสตังชอบกล่าวว่าพระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างของโลก
ลูกสาวของผู้ พิพากษาคนนี้ตาบอด วาเลนไทน์ได้ทำอัศจรรย์ให้หาย อัสเตริอุส ผู้พิพากษาจึงกลับใจเชื่อถึงพระเยซูคริสตเจ้า เมื่อเห็นดังนั้น ท่านผู้ว่าราชการเกิดความอิจฉา และต้องการกำจัดท่านวาเลนไทน์ จึงจับท่านวาเลนไทน์ไปขังไว้ในคุกมืด แล้วใช้ไม้เป็นปุ่มเป็นตาเฆี่ยนท่านอย่างสาหัส ที่สุดนำท่านไปตัดศีรษะ นักบุญวาเลนไทน์ เป็นองค์อุปถัมภ์ของชาวเมืองตารัสก็อง (ภาคใต้ของฝรั่งเศส)

โกะ คือ

หมากล้อ

หมากล้อม หรือ โกะ (ญี่ปุ่น: 囲碁 (いご), โรมะจิ: igo (อิโกะ); จีน: 围棋, พินอิน: Wei Qi (เหวยฉี); อังกฤษ: Go) นั้นเดิม ถือกำเนิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ 3,000-4,000 ปีมาแล้ว เป็นสิ่งแสดงถึงความเก่าแก่และลึกซึ้งของอารยธรรมจีน ในภาษาจีน เรียกโกะว่า "เหวยฉี" (Wei Qi)
เหวยฉีเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ปัญญาชนชั้นสูงและขุนนางผู้บริหารประเทศ ในสมัยนั้น เหวยฉีหรือหมากล้อมเป็นหมากกระดานประจำชาติจีน ถูกจัดเป็น 1 ใน 4 ศิลปะประจำชาติจีน (ได้แก่ หมากล้อม ดนตรี กลอน ภาพ) เป็นภูมิปัญญาจีนแท้ ในขณะที่หมากรุกจีนยังมีเค้าว่ารับมาจากอินเดียและเพิ่งจะแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ถังเท่านั้น
ต่อมา เหวยฉี ได้แพร่เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ญี่ปุ่นนี้เอง ที่เป็นแผ่นดินทองของ "โกะ" ซึ่งเป็นคำที่ญี่ปุ่นใช้เรียกเหวยฉีหรือหมากล้อม
โกะรุ่งเรืองอย่างมากในญี่ปุ่น สมัยโชกุนโตกุกาว่า ได้สนับสนุนให้ทหารเล่นโกะ เปลี่ยนวิธีการรบด้วยกำลังเป็นการรบด้วยปัญญา และยังสนับสนุนให้โกะแพร่หลายมากยิ่งขึ้นอีก โชกุนโตกุกาว่าได้ตั้งสำนักโกะขึ้น 4 สำนัก เพื่อคัดเลือกผู้เป็นยอดฝีมือโกะของญี่ปุ่น โดยจัดให้สำนักทั้ง 4 คือ ฮงนินโบ, อิโนอูเอะ, ยาสุอิ และ ฮายาชิ ส่งตัวแทนมาประลองฝีมือเพื่อชิงตำแหน่ง "เมย์จิน" จากการส่งเสริมโกะของญี่ปุ่น ทำให้อีกประมาณ 100 ปีต่อมา มาตรฐานฝีมือนักเล่นโกะของญี่ปุ่นก็ก้าวนำจีน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโกะรวมทั้งประเทศเกาหลีไปไกลแล้ว
ปัจจุบันทั่วโลกเล่นโกะกันอย่างแพร่หลาย โกะเรียกเป็นสากลว่า "Go" ปัจจุบัน โกะแพร่หลายในกว่า 50 ประเทศ ทวีปออสเตรเลียและอเมริกาเหนือทุกประเทศ อเมริกาใต้, ยุโรป, เอเชีย เกือบทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทย ในทวีปแอฟริกาแพร่หลายในประเทศแอฟริกาใต้
ใน พ.ศ. 2522 ได้เกิด "สมาพันธ์หมากล้อมนานาชาติ" (International Go Federation) ขึ้น มีประเทศสมาชิกเริ่มแรก 15 ประเทศ ในพ.ศ. 2535 เพิ่มเป็น 50 ประเทศ ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2526 ประชากรที่เล่นโกะในจีนประมาณว่ามี 10 ล้านคน, ญี่ปุ่นมี 10 ล้านคน, เกาหลีมี 10 ล้านคน (เกาหลีมีประชากรทั้งหมด 44 ล้านคน ประชากรที่เล่นโกะมีถึงเกือบ 1 ใน 4 ของประชากรประเทศ), ในไต้หวันมี 1 ล้านคน, สหรัฐอเมริกามี 1 ล้านคน โกะในด้านการศึกษามา

เทคนิคการเรียนเก่ง 7 ข้อ

ข้อที่ 1 : พกปากกาสี  12  สี  ติดตัว
  ทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ
จึงควรซื้อปากกาสีต่าง ๆ ติดตัวไว้ เวลาอ่านหนังสือก็ใช้ปากกาสีในการจดเนื้อหา ของ stabio ก็ดีนะ ทนหลายปีเลยแหล่ะ
* สำหรับคนที่กลัวว่าจะจดไม่ทันก็ใช้วิธีจดเฉพาะเนื้อหาสำคัญพร้อมกับบันทึกเสียงไปพร้อม ๆ กัน แค่นี้ก้อสามารถจดจำได้แล้วล่ะ
ข้อที 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้น
  การใช้สมุดnote ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุดnote ที่ไม่มีเส้นนั้นจะ
ทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น  ปัจจุบันหาซื้อยาก ต้องลองหาแถว ร้านขายสมุดวาดรูปดูน่ะ
ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map  Or  Pic.
  ถ้าเราอ่านหนังสือการ์ตูนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว กับอ่านหนังสือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจะสามารถจดจำ
การ์ตูนได้มากกว่า  เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่า
การบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้
ข้อที่ 4 : Mp3
 เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอนแต่ไม่สามารถฟังและเก็บเกี่ยวเนื้อหาได้ครบทุกอย่าง
หากเราอัดไว้ก็จะสามารถย้อนกลับไปฟังได้ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนสอบ
ข้อที่ 5 : เอาใจครู
เอาใจครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเอง
เวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้น
เพราะ  เราอยากเรียนวิชานั้น ๆ
ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกา
ก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง 
คุณหนูดี กับ ด็อกเตอร์ อะไรเนี่ยแหล่ะจำชื่อไม่ได้  ก็ใช้วิธีนี้จนเรียนจบปริญญา
ข้อที่  7 : นั่งหน้าห้อง
  นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเรา
และสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว
เครดิต  ; หนังสือของคุณหนูดี  เราย่อออกมาเหลือแค่นี้แหล่ะ     

โคนัน ภาคจบ

 ตอน 1

หลังจากที่โคนัน (หรือจริง ๆ แล้วชินอิจินั่นแหละ) เข้าไปอาศัยอยู่ที่สำนักงานนักสืบโมริเป็นเวลานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ วันที่เขารอคอยก็มาถึง
โมริ โคโกโร่ ได้รับแจ้งให้ไปสืบคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่โรงแรมควีนกลางกรุงโตเกียว คดีฆาตกรรมปิดฉากลงเรียบร้อยด้วยฝีมือการคลี่คลายของโคนัน (ถึงแม้ความดีความชอบจะตกเป็นของโคโกโร่ก็เถอะ) แต่โคนันสืบได้ว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับพวกชายชุดดำ เขาเจอสมุดบันทึกเล่มนึงของผู้ตาย และเขาก็เก็บเอามาแล้วด้วย เขาแอบมันไว้ในเสื้อ หลังคดีปิดลงก็มืดพอดี โคนัน รัน โคโกโร่เดินกลับบ้าน ระหว่างทาง
พี่รันฮะ คุณลุง ผมจะไปค้างบ้านดร.นะฮะ ตอนกลางวันดร.โทรมาบอกว่ามีของเล่นชิ้นใหม่จะให้เล่น ผมไปนะฮะพูดจบโคนันก็วิ่งออกไปทันที ทิ้งให้อีกสองคนมองตามอย่างครุ่นคิด
นึกว่ามันจะไม่ใช่เด็กธรรมดาซะอีก เฮ้อ สงสัยคิดมากไปโคโกโร่คิด
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนตอนนั้นเลยรันคิดทันใดก็มีน้ำตาเอ่ออยู่ที่ตา

โคนันวิ่งมาจนถึงหัวมุมหนึ่ง เขาไม่ได้ไปบ้านดร.อากาสะ เขาหยุดอยู่ที่หัวมุมนั้น หยิบเอาบันทึกของผู้ตายขึ้นมา เปิดไปที่หน้าที่เขาคั้นเอาไว้ มันเป็นบันทึกของปีที่แล้ว

วันที่ 19 เดือน 9 ช่วงนี้มีคนสะกดรอยตาม พวกมันอยากได้อะไรกันนะ หรือว่าพวกมันต้องการชีวิตฉัน ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย

วันที่ 21 เดือน 9 เมื่อไหร่พวกมันจะเลิกสะกดรอยตามซะทีนะ พวกมันต้องการอะไรกันแน่

วันที่ 30 เดือน 9 และแล้วความอดทนของฉันก็สิ้นสุดลง วันนี้เองที่ฉันต้อนพวกมันออกมาได้ฉันขู่มันว่าถ้าไม่ออกมาฉันจะแจ้งความ พวกมันออกมา พระเจ้า มันแต่งชุดดำทั้งชุด แม้แต่แววตาของพวกมันยังส่อให้เห็นถึงแววตาโหดเหี้ยมแววตาของปีศาจ หัวหน้าของมันยิ่งหน้ากลัวใหญ่ ผมยาวของมันยิ่งทำให้เค้าหน้ามันดูโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น มันบอกฉันว่ามันมีธุระกับฉัน มันจะติดต่อกับฉันอีกที

คงจะเป็นยีน ครั้งนี้พวกแกพลาดครั้งใหญ่เลยนะ ปล่อยให้เหยื่อทิ้งหลักฐานชิ้นโตเอาไว้แบบนี้น่ะโคนันพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยแล้วอ่านบันทึกเล่มนั้นต่อ

วันที่ 3 เดือน 10 หลังจากรอพวกมันให้ติดต่อมาอยู่หลายวัน หลังจากที่ฉันต้องอยู่ในอาการหวาดผวามาตลอด วันนี้หลังกลับจากไปกินเลี้ยงฉันเจอกระดาษแผ่นนึงวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉัน พระเจ้า ฉันอยากจะร้องไห้เหลือเกิน กระดาษแผ่นนั้นเขียนด้วยลายมือเลือด มันน่ากลัวเหลือเกิน แล้วฉันก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก พวกมันรู้ มันรู้อดีตของฉัน พระเจ้า มันขู่ให้ฉันร่วมมือกับมัน ไม่งั้นมันจะบอกตำรวจ ฉันจะทำยังไง คงต้องร่วมมือกับพวกมันกระมัง

บ้าจริง อดีตอะไรกันนะ นายนานาตะมีอดีตอะไรกันแน่นะโคนันเริ่มหงุดหงิดแล้วจึงอ่านต่อ

วันที่ 5 เดือน 10 ฉันตัดสินใจเด็ดขาดแล้วฉันจะร่วมมือกับพวกมัน
วันที่ 7 เดือน 10 พวกมันติดต่อมาแล้ว พวกมันบอกให้ฉันไปหาที่โรงแรมควีน วันพรุ่งนี้

วันที่ 8 เดือน 10 พวกมันบอกให้ทำจริง ๆ ทำในสิ่งที่ฉันเลิกทำมานับสิบปี

วันที่ 10 เดือน 10 ฉันกำลังเริ่มทำ ทำงานให้พวกมัน คิดดูแล้วก็คุ้มเหลือเกิน ทำงานแค่ชิ้นเดียวแต่ได้เงินเยอะเป็นบ้า

งานอะไรนะ ทำอะไรกันแน่ นายนานาตะคนนี้มีอดีตอะไรกันนะ มันต้องเป็นอดีตที่ผิดกฎหมายแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่กลัวตำรวจโคนันชักโมโห แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบโทรศัพท์รูปต่างหูออกมาแล้วโทรไปหาดร.อากาสะ
ดร.ช่วยสืบหาข้อมูลของคนที่ชื่อ นานาตะ ซามากิ ให้ผมหน่อยนะครับพูดจบก็วางหูทันที

นานาตะ ซามากิคนอีกฝั่งทวนชื่อนี้ช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
ใครโทรมาเหรอ หนูไอความจริงแล้วคนรับโทรศัพท์คือ ไฮบาระ ไอ!!!
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เค้าโทรผิดน่ะค่ะ หนูขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะค่ะระหว่างเดินขึ้นบันไดก็คิดอะไรไปมากมาย
เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอนั่นถึงต้องการข้อมูลของนานาตะ หรือว่า…’ คิดได้แค่นั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา

บ้าจริง ฝนตกโคนันพูดอย่างหงุดหงิดเต็มที เขาวิ่งมาหาที่หลบฝน วิ่งมาจนถึงร้านกาแฟแห่งนึง เขาจึงเดินเข้าไปข้างใน นั่งลงที่โต๊ะนึง แล้วอ่านบันทึกต่อ

วันที่ 16 เดือน 10 และแล้วฉันก็หาส่วนประกอบที่ต้องการทั้งหมดได้ครบแล้ว เอาล่ะ ฉันจะเริ่มทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างซะทีล่ะนะ

ลูกพี่ วันนี้สะใจจริง ๆ เลยนะเสียงใครสักคนที่นั่งอยู่หลังโคนันดังขึ้น
พูดเสียงดังอย่างงี้ แย่จริง เสียสมาธิหมดโคนันคิด
พูดเบา ๆ ซิวะ อยากให้ใครเค้าได้ยินรึไงเสียงนี้ทำให้โคนันถึงกับสะดุ้ง
ว็อดก้านี่นาโคนันพูดกับตัวเองเบา ๆ
ฮะฮ้า มาให้ดมกลิ่นถึงที่เลยนะ คงไม่ปฏิเสธล่ะโคนันพูดเบา ๆ แล้วแอบฟังพวกคนชุดดำคุยกัน
แต่ทำไมวันนี้เราไม่ใช้ยานั่นล่ะพี่อีกเสียงดังขึ้น
ลูกพี่ใหญ่สั่งห้ามใช้คงหมายถึงยีนนั่นเอง
โคนันนั่งฟังชายชุดดำคุยกันอย่างสนใจ เขาเก็บสมุดบันทึกเอาไว้ในเสื้อตามเดิม สั่งโกโก้ร้อนมากินไปด้วยเพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่เค้าไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีใครคนนึงกำลังแอบมองเขาอยู่เหมือนกัน
เหยื่อติดเบ็ดแล้วซินะคน ๆ นั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
ว่าไงนะ ได้ ได้ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะเสียงว็อดก้าคุยโทรศัพท์ โคนันรีบจ่ายเงินทันที
ว็อดก้ากับลูกน้องกำลังออกไปแล้ว โคนันรีบตามทันที เค้าเอาเครื่องดักฟังรูปกระดุมติดไปที่ลูกน้องของว็อดก้าอย่างยากลำบาก แต่ก็สำเร็จ ข้างนอกฝนหยุดตกแล้ว

เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยตามเขาพูดกับตัวเองเบา ๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังตามเขามาอย่างเงียบ ๆ
ทำไมดร.ไม่โทรกลับมาซะทีนะโคนันพูดกับตัวเองอีกครั้งในขณะที่เดินอยู่ ตอนนี้เขากำลังสะกดรอยตามพวกชายชุดดำอยู่
เอ๋ พวกมันจะไปไหนกันนะ ทำไมสัญญาณมันเคลื่อนที่เร็วอย่างงี้ล่ะ คงจะไปรถซินะ เอาล่ะ ยืมหน่อยนะพูดกับตัวเองแต่ก็คว้ารถจักรยานเด็กที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ไป
ชิเสียงดังขึ้นจากริมฝีปากของใครคนหนึ่งที่สะกดรอยตามโคนันมา มันรีบเดินไปคว้ารถจักรยานอีกคันที่เป็นของผู้ใหญ่ตามโคนันไป
หรือว่ามันจะรู้ตัวแล้วใครคนนั้นเหมือนจะพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า
ไม่หรอกน่า ไม่มีทางหรอกมันพูดอีกครั้ง

อ้าว จะไปไหนน่ะเสียงของโคโกโร่ดังขึ้น
หนูรู้สึกใจไม่ดีน่ะค่ะพ่อ จะไปดูโคนันที่บ้านดร.ซะหน่อยรันตอบ
นั่นซินะ วันนี้พ่อเองก็ใจไม่ดีเหมือนกัน รู้สึกเป็นห่วงเจ้าเปี๊ยกนั่นตะหงิด ๆ ไปดูมันซะหน่อยก็ดี ไปเถอะโคโกโร่ว่า

โคนันสะกดรอยตามพวกว็อดก้ามาจนถึงโรงงานแห่งหนึ่ง โรงงานที่น่ากลัวเหลือเกิน โรงงานที่ให้บรรยากาศเหมือนโรงฆ่าสัตว์ โรงงานที่ทำให้คนมองอยากจะเบือนหน้าหนี
นี่คงเป็นรังของพวกมันโคนันพึมพำเบา ๆ เขาเอารถจักยานไปแอบไว้หลังพุ่มไม้ แล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปในโรงงานแห่งนั้น เกิดรอยยิ้มเ***้ยมขึ้นที่หน้าของใครอีกคนที่ตามโคนันมา
ได้เวลาแล้วซินะ คุโด้ ชินอิจิใครคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของซาตาน

อ้าว พี่รัน จะไปไหนค่ะมีเสียงทักขึ้นข้างหลัง รันจึงหันไปดู
อ้าว อายูมิ พี่จะไปบ้านดร.น่ะจ้ะ เอ๋ อายูมิไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอกเหรอรันพูดทำหน้าครุ่นคิด
เปล่านี่ค่ะ ทำไมเหรอค่ะอายูมิจังถาม
โคนันบอกพี่ว่าดร.ทำของเล่นชิ้นใหม่ได้น่ะจ้ะ
แย่จัง ไม่เห็นมีใครบอกอายูมิเลยนี่ค่ะ คอยดูนะพรุ่งนี้อายูมิจะโวยวายให้ดูพูดพลางทำหน้าจริงจังไปด้วย
อายูมิจัง กลับบ้านเถอะลูกแม่ของอายูมิมาตาม
ค่ะ ไปนะค่ะพี่รันอายูมิโบกมือให้รัน รันได้แต่ยืนมองด้วยแววตาเศร้า ๆ เท่านั้น ในใจเธอเป็นห่วงโคนันเหลือเกิน
ในที่สุดก็ถึงซะที ดร.ค่ะ ไฮบาระ โคนันรันยืนตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านดร. แต่ทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครออกมา ไม่มีเลย
ไม่อยู่กันหรอกเหรอ ไปไหนนะรันพูด พลางน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอนั่งลงที่หน้าบ้านของดร.แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่นึกอายใคร เธอเป็นห่วงโคนันเหลือเกิน เธอเป็นห่วงเค้าคนนั้น

โคนันเดินเข้ามาในโรงงานของพวกชายชุดดำ ว็อดก้าเดินเข้าไปในห้อง ๆ นึง ลูกน้องของเขาเข้าไปด้วย โคนันหามุมที่ไม่มีใครเดินผ่านได้ เค้าฟังพวกมันคุยกันผ่านทางเครื่องดักฟัง
ทำไมถึงเป็นอย่างงี้ล่ะเสียงของว็อดก้า
ฉันซิที่ต้องถามพวกแก ว่าทำไมเป็นอย่างงี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เสียงใครคนนึงที่คุ้นหูโคนันดังขึ้น แต่เขานึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ามันเป็นเสียงของใคร
หรือว่า จะมีคนทรยศครับเสียงนั้นเป็นของว็อดก้า
ฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างงั้น แต่ใครกันล่ะที่ทรยศ ใครกันเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นอย่างดุดัน
เอ่อ หรือว่าจะเป็นลูกพี่…”
แกสงสัยชั้นเหรอว็อดก้าเสียงของยีนดังขึ้น
เปล่าครับ ผมผมไม่กล้าหรอกครับว็อดก้าแก้ตัวตะกุกตะกัก
แต่เมื่อกี้นี้ฉันได้ยิน…”
หยุดซะทีเสียงที่คุ้นหูโคนันดังขึ้นอีก โคนันกำลังสงสัยว่าเค้าคงเป็นหัวหน้าของพวกชายชุดดำ
แทนที่พวกแกจะมาเถียงกัน ทำไมไม่ลองคิดดูให้ดีว่าใครที่มันทรยศเราเสียงนั้นดังขึ้นอีก
หรือว่าจะเป็นคริส..เสียงว็อดก้าดังขึ้นอีก
ไม่มีทาง คริสคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุดเสียงของหัวหน้าใหญ่ดังขึ้นอีก
หรือว่าแก ว็อดก้ายีนพูดขึ้น
โธ่ ลูกพี่อย่าพูดเล่นอย่างนี้ซิฮะ ผมไม่กล้าหรอกว็อดก้าพูดอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจจะเป็น…” เสียงหัวหน้าใหญ่ดังขึ้น
ทันใดนั้นโคนันรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังมองเค้าอยู่ เมื่อโคนันเงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับ
อาจารย์โจดี้โคนันพูด
มาแอบฟังอยู่ตรงนี้จะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ คุโด้ ชินอิจิคำทักทายแบบนี้ทำเอาโคนันถึงกับสะดุ้ง
เอาล่ะคุโด้คุง เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าว่าพลางก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบโปะเข้าใส่โคนันแล้วลากตัวเขาเข้าไปในห้องประชุม
สวัสดีค่ะ หัวหน้า ยีน ว็อดก้าเธอเน้นเสียงหวานที่ชื่อของยีน
คริสทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ที่แท้อาจารย์โจดี้ก็คือ คริส วินยาร์ต นักแสดงชื่อดังจากอเมริกานั่นเอง ที่แท้เธอก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกชายชุดดำ
เอาล่ะ ฉันมีของขวัญชิ้นพิเศษมาให้กับทุก ๆ คนเธอพูดด้วยน้ำเสียงเ***้ยมเกรียม แล้วถอยหลังออกไปนิดหน่อยให้ทุกคนได้เห็นโคนัน
โคนันเสียงของหัวหน้าใหญ่ดังขึ้น
ผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กคนนี้คือ คุโด้ ชินอิจิตังหากล่ะคะคริสยังพูดต่อไป
เธอจับมันได้ที่ไหนคริสยีนเอ่ยถามขึ้น
ในโรงงานนี่ล่ะ มันสะกดรอยตามว็อดก้ากับแบรคมา” (แบรคคือลูกน้องของว็อดก้าค่ะ)


ว็อดก้า ทำไมนายไม่ระวังยีนเอ่ยขึ้นอีก
ผมขอโทษ หัวหน้าครับ เราจะทำยังไงกับมันดีล่ะครับว็อดก้าเปลี่ยนเรื่อง
เอาไปขังไว้ก่อนเสียงหัวหน้าใหญ่ฟังดูมีแววเ***้ยมเกรียม

เอ๋ พ่อออกไปไหนล่ะเนี่ย สงสัยจะออกไปซื้อเหล้าอีกแล้วล่ะซิรันพูดขึ้นหลังจากขึ้นมาบนบ้านแล้ว
ป่านนี้หมอนั่นจะเป็นไงบ้างนะเธอยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ พลันตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษบนโต๊ะ
พ่อไปเล่นไพ่นกกระจอก ไม่ต้องรอนอนไปก่อนได้เลยเธออ่านเสียงดังแล้วนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวแล้วคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา แต่แววตา ท่าทางครุ่นคิดของเธอต้องสะดุดลงเมื่อมีคนมาเคาะประตูบ้าน เธอลุกขึ้นมาเปิดประตูบ้าน
พี่หมอรันพูดขึ้นหลังจากเห็นว่าใครที่มาหาเธอ

ที่นี่ที่ไหนกันนะทำไมมันมืดอย่างนี้ล่ะ หรือว่าเราจะตายแล้ว แต่โอ้ย เจ็บที่นา เราคงยังไม่ตายหรอก หรือว่าพวกมันจะจับเรามาขังไว้โคนันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สติของเขาเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง
จะทำยังไงดี พวกมันต้องฆ่าเราแน่ ๆแล้วแล้วเราก็คงไม่ได้เจอกับเธอคนนั้นอีก คงไม่ได้กลับไปเป็นคุโด้ ชินอิจิอีกเราจะทำยังไงดี หรือว่าเราจะโทรไปหาดร.ดีหรือจะโทรไปหาเจ้าบ้าเฮย์จิ หรือจะโทรไปหาเธอ รัน ฉันจะทำยังไงดีเขาพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง
ไม่ไม่ได้เราจะให้ใครมาเดือดร้อนไปกับเราไม่ได้ แต่แต่ถ้าไอ้พวกนี้มันไม่ถูกจับ พวกมันก็ต้องทำร้ายคนอีกมากมาย แต่ถ้าเราโทรไปหาเฮย์จิล่ะก็ไม่ หมอนั่นอาจจะตกอยู่ในอันตรายถ้าเราโทรไป ฉันจะทำยังไงดีนะ
ชั้นต้องหาทางออกไปจากที่นี่และจับไอ้พวกนั้นให้ได้ด้วยตัวของชั้นเองเค้าพึมพำออกมาอย่างมุ่งมั่น

อะไรนะจริงเหรอได้ได้ฉันจะรีบไปได้อืมรู้แล้วน่าได้รอฉันสักเดี๋ยวล่ะกันเสียงใครบางคนคุยโทรศัพท์อยู่

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน โคนันกำลังนั่งคิดอะไรบางอยู่ อยู่ในที่คุมขังมืดมิดนั่น
ใครกันนะ เสียงนั่น เสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน เสียงของใครกันนะ มันเป็นใครกันแน่นะ
เสียงคุ้นหูเหลือเกิน ฉันต้องรู้จักมันแน่ ๆ
แล้วยังจะมีอาจารย์โจดี้อีก เธอเป็นใครกันแน่นะ หรือว่า…”
ต้องใช่แน่ ๆ ผู้หญิงคนนั้น คน ๆ นั้น
คริส วินยาร์ต ต้องเป็นเธอแน่ ๆ มิน่าล่ะ ถึงได้หายไปเลยนับตั้งแต่อาจารย์โจดี้ปรากฎตัวขึ้น
และคน ๆ นั้นก็ต้องเป็น…..เค้าอย่างแน่นอน
แต่ว่าเค้าอย่างนี้ทำไมนะ ทำไมเค้าถึงต้องทำอย่างนี้นะ

แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ล่ะ อยากให้หมอนั่นตายไปก่อนรึไงเสียงของเฮย์จินั่นเอง เค้ากำลังโวยวายใครบางคนอยู่
หมอนั่น หมอไหน ก็นายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ก็ฉันติดต่อนายไม่ได้เลยนี่คาซึฮะเถียงต่ออย่างไม่ลดละ
แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะเฮย์จิถาม
รันโทรมาบอกน่ะสิ ไม่งั้นฉันจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ
บ้าจริง ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาตั๋วเครื่องบินที่ไหนทัน นี่ขับรถให้มันเร็ว ๆ หน่อยซิว่าพลางก็หันไปเร่งคนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้า คนขับรถหันมาดูเขาทีนึงแต่ก็ไม่อยากจะเถียงด้วย ในที่สุดก็ถึงสนามบิน
ขอโทษนะค่ะ เที่ยวบินสุดท้ายตั๋วหมดแล้วและเครื่องก็จะออกในอีก 20 นาทีนี้แล้วค่ะเสียงพนักงานที่สนามบินพูดกับพวกเฮย์จิ
เห็นม่ะ ไม่มีตั๋วแล้ว ไปพรุ่งนี้ไม่ได้รึไงคาซึฮะถาม
เธอจะบ้าเหรอ รันโทรมาบอกว่าโคนันหายตัวไปเธอยังจะไม่เดือดร้อนอีกเรอะ
ก็แค่หายตัวไปเองนี่นา พ่อรันเป็นนักสืบนะ เดี๋ยวก็หาตัวเจอแล้วล่ะ
เธอไว้ใจตาลุงนั่นงั้นเหรอ เฮ้พี่ชายพูดกับคาซึฮะจบก็หันไปพูดกับผู้ชายอีกคนที่เพิ่งเดินมาอยู่ใกล้ ๆ
พี่ชายจะไปไหนเหรอ
อ้อ พี่กับแฟนจะกลับบ้านที่โตเกียวน่ะ

ทำไมมาช้าจังเลยล่ะ เฮย์จิรันถาม
ก็ยัยนี่น่ะซิพูดพลางก็เหล่ไปที่คาซึฮะ
ก็นายอยากปิดมือถือเองนี่นา
มือถือมันแบตหมดตะหากล่ะ
ดีนะที่ฉันบอกพี่ชายคนนั้นว่าพ่อเจ็บหนักต้องรีบมาน่ะ แล้วก็ดีนะที่พี่ชายคนนั้นใจดีขายตั๋วให้น่ะเฮย์จิยังพึมพำอยู่เอาล่ะรีบไปกันเถอะ ไปช่วยหมอนั่นกัน
_________________
ไปทางไหนต่อน่ะเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทางนี้อีกเสียงที่ฟังดูเล็กกว่าตอบกลับมา
เธอแน่ใจนะ ว่าจำทางไม่ผิดน่ะอีกเสียงที่ฟังดูทุ้มที่สุดดังขึ้น
แน่ใจซิ
แล้วเราจะไว้ใจเธออีกได้ยังไงเสียงแรกดังขึ้นอีก
ถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องตามมาเสียงเล็ก ๆ นั้นตอบกลับมาอีกครั้ง
ใกล้จะถึงรึยังล่ะเสียงที่ทุ้มที่สุดเอ่ยขึ้น
อีกนิดนึง นิดเดียวเท่านั้น รอหน่อยนะเสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมาอีกครั้ง แต่ประโยคหลังเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า

เราจะไปทางไหนกันล่ะเฮย์จิถามขึ้น
จากที่ผมสืบมามันน่าจะอยู่ทางนี้นะครับ หรือหมวดว่ายังไงครับพี่หมอของรันหรืออาราอิเดะ โทโมอากิเอ่ยขึ้น
อ้อ ผมไม่ทราบหรอกครับ ก็คุณไม่เคยบอกผมเรื่องตัวจริงของคุณเลยนี่
นั่นซิ นั่นซิ ปิดเรื่องไว้ซะเงียบเลยนะเสียงของหมวดทาคางิกับหมวดซาโต้นั่นเอง
อย่างเพิ่งทะเลาะกันเลยค่ะ เราต้องไปช่วยโคนัน เอ่อ หมอนั่นก่อนนะค่ะรันพูดอย่างร้อนใจ

ในที่สุดก็ออกมาได้ซะทีเสียงใครบางคนพึมพำขึ้นพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยแล้วเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนข้างล่างพูดกัน
เชอร์รี่ เธอเองเหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ ไปทำภารกิจลับซินะเสียงของคริสนั่นเอง
ใช่ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ขนาดฉันอยู่ใกล้คุโด้มากกว่าเธอ ยังโดนเธอแย่งผลงานไปได้ เฮ้อ ความจริงฉันน่าจะจับตัวหมอนั่นมาตั้งแต่แรก ไม่น่าเลยอีกเสียงตอบกลับมา
โคนันที่ฟังอยู่ในช่องแอร์ข้างบนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินเสียงของไฮบาระดังขึ้น และต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเขาได้รู้ว่าความจริงแล้วไฮบาระปลอมตัวไปเพื่อจะจับเขา
แล้วเธอจัดการกับดร.อะไรนั่นยังไงล่ะ เชอร์รี่คริสถามอีก
ก็ปิดปากเขาไปชั่วนิรันน่ะซิน้ำเสียงฟังดูโหดขึ้นเล็กน้อย
โคนันถึงกับอึ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของไฮบาระ
เอาล่ะ ฉันจะไปแปลงโฉมให้กลับมาเป็นคนเดิมซะหน่อยขอตัวนะ คริสไฮบาระเอ่ยขึ้นแล้วเดินจากไป

ประตูห้องคุมขังของโคนันโดนเปิดออกแต่ข้างในกลับว่างเปล่า ทำให้คนที่มาเปิดถึงกับหน้าเสีย
หายไปไหนแล้วล่ะ หรือว่าจะหนีไปแล้ว บ้าจริง
ประตูห้องปิดลงเหมือนเดิมอีกครั้ง


ไม่อยากจะเชื่อ ไฮบาระ ที่แท้เธอปลอมตัวเข้าไปเพื่อจับฉันเหรอเนี่ยโคนันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้เค้าออกมานอกโรงงานได้แล้วแต่กว่าจะออกมาได้ก็ช่างยากลำบากเหลือเกิน และตอนนี้ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วด้วย
ถัดออกไปไม่ไกลนัก มีคนเห็นโคนันเข้าแล้ว
นั่นมัน…” เสียงทุ้ม ๆ ของใครคนนึงดังขึ้น
ใช่จริง ๆ ด้วยอีกเสียงดังขึ้น แล้วทั้งสองก็ออกวิ่ง
สองคนนั้นวิ่งมาทางด้านหลังของโคนัน หนึ่งในสองเอามือปิดปากโคนันเอาไว้ โคนันเริ่มดิ้นแต่แล้ว
พล้อก ! ! !
ชายอีกคนเอาไม้ตีหัวโคนัน ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียอยู่แล้วทำให้โคนันสลบทันที

หนีออกมาได้ยังไงกันนะเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น
แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะเสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้น
เดี๋ยวก็คงฟื้นแล้วล่ะอีกเสียงดังขึ้น
(อ่า 3 คนนี้คือ 3 คนเดียวกับที่เคยปรากฎตัวแล้วตอนต้นตอนน่ะค่ะ)
โคนันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วเขาก็เห็นคนสามคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ
ดร.อากาสะ ลุง ไฮไฮบาระโคนันพูดขึ้นอย่างตกใจ
ฟื้นแล้วเหรอเสียงทุ้ม ๆ ของดร.อากาสะดังขึ้น
สลบไปตั้งนานเลยนะ คุโด้ไฮบาระพูดขึ้นด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเธอ เธอยังตัวเล็กอยู่เลย
หนี หนีเร็วลุง หนีเร็วดร. ไฮบาระ ไฮบาระจะฆ่าพวกเราโคนันพูดแต่โคโกโร่กับดร.อากาสะกลับหัวเราะซะนี่ โคนันหันไปมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างงง ๆ แล้วถามขึ้นว่า
นี่มันอะไรกันแน่น่ะ
แกเป็นนักสืบก็คิดเอาเองซิวะโคโกโร่ว่า

ใกล้จะถึงรึยังค่ะ พี่หมอรันถามด้วยความร้อนใจ
ใกล้แล้วหล่ะ เลี้ยวซ้ายอีกทีนึงก็ถึงแล้ว
ทำไมมันไกลจังล่ะค่ะคาซึฮะถามบ้าง
ทำไม เหนื่อยเหรอเฮย์จิถามกลับ
อือ ก็เดินมาตั้งไกลคาซึฮะตอบ
ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมาเฮจิย์ว่า แต่หมออาราอิเดะทำมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงงาน (โรงงานที่พวกโคนันอยู่อ่ะค่ะ)
พวกคุณเรียกกำลังเสริมได้แล้วล่ะ ที่นี่ไม่ผิดแน่หมออาราอิเดะหันมาบอกหมวดทาคางิ

โอ้ย ผมนึกไม่ออก รีบ ๆ บอกมาซะทีซิโคนันโวยวาย
งั้นฟังให้ดีนะดร.อากาสะว่า แล้วเริ่มเล่า
หนูไอน่ะ เค้าได้รับคำสั่งลับให้มาจับตัวนายไป เพราะพวกชายชุดดำรู้สึกสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ โมริ โคโกโร่ถึงได้เก่งกาจนัก สุดท้ายพวกมันก็จับได้ว่านายคือคุโด้ ชินอิจิ


แต่องค์กรก็ยังไม่แน่ใจนัก พวกมันก็เลยส่งชั้นมาอยู่กับดร.เพื่อให้สืบความจริงและจับตัวนายกลับมา ฉันไม่รู้ว่าจะมาจับนายได้ยังไงนอกจากจะสร้างภาพขึ้นมาทำเป็นว่าตัวเองหักหลังองค์กร กินยานั่นเหมือนนาย แล้วก็หนีออกมาเพื่ออาศัยอยู่กับดร. ตอนแรกฉันเองก็ไม่อยากเชื่อว่าแผนนี้มันจะได้ผลไฮบาระเล่าบ้าง
อ๋อ เธอคงคิว่าฉันกับดร.โง่ล่ะซินะโคนันพูดอย่างอารมณ์เสีย
เปล่าซะหน่อย ตอนแรกฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันล่ะว่าจะบอกองค์กรว่านายไม่ใช่คุโด้ดีรึเปล่า แต่นึกไม่ถึงองค์กรกลับรู้ซะก่อนว่านายคือคุโด้ ชินอิจิตัวจริง พวกเขาเร่งให้ฉันรีบจับตัวนายกลับมา แต่เพราะฉันรู้สึกว่าเริ่มผูกพันกับกับทุก ๆ คนแล้วฉันเลยยืดเวลาออกไปโดยการส่งข่าวมาบอกองค์กรว่าฉันยังไม่พร้อม แต่นึกไม่ถึงว่านายจะแอบมาที่นี่ซะก่อนไฮบาระตอบคำถามแล้วเล่าต่อ

แย่แล้ว ลูกพี่ เจ้าเปี๊ยกนั่นหายไปแล้วว็อดก้าวิ่งมารายงานยีน
แกว่าอะไรนะว็อดก้ายีนตะคอกถามว็อดก้า
เมื่อกี้นี้ผมกับแบรคจะเอาข้าวไปให้มันแต่พอเข้าไปข้างในมันก็หายไปแล้วว็อดก้าพูดเสียงตะกุกตะกัก
ยีนโมโหมากเขารีบวิ่งไปดูที่ห้องลับใต้ดาดฟ้าซึ่งเป็นที่คุมขังโคนัน ภายในห้องไม่มีใครอยู่จริง ๆ
นายก็กลับไปแล้ว ทีนี้จะทำยังไงล่ะลูกพี่ว็อดก้าถาม

แล้งไงต่อล่ะ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมาอยู่ที่นี่โคนันถามต่อ
ตอนที่นายโทรศัพท์มาน่ะ ฉันเป็นคนรับสายเองล่ะ ตอนนั้นนายพูดถึงคน ๆ นึง
อ๋อ นายนานาตะ ซามากิโคนันลืมนายคนนี้ไปแล้วสนิทเลย
ใช่ มันเป็นคนขององค์กรไฮบาระว่า
มันทำอะไรเหรอโคนันถาม
ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าคงเป็นงานใหญ่ ไม่งั้นนายใหญ่คงไม่ยอมให้เข้ามาในนี้ไฮบาระอธิบายต่อ
พอหนูไอเค้าลงมาบอกฉันว่านายอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตรายฉันก็เลยคิดว่าน่าจะไปหาโมริคุงให้มาช่วยๆ กันตามหานายดร.อากาสะเล่าต่อ
ระหว่างทางก็เจอรันกำลังคุยอยู่กับอายูมิ แต่เราไม่อยากให้เธอต้องมาเสี่ยงไปด้วยเลยไม่ได้บอก รีบตรงไปหาคุณโมริทันที คิดว่ายังไงซะก็คงต้องบอกความจริงให้รู้แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่านายคือดุโด้ ชินอิจิไฮบาระเล่าต่อ
ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ฉันไม่โง่สักหน่อยฉันรู้มาตลอดล่ะโคโกโร่เล่าในขณะที่โคนันทำหน้าทึ่งสุด ๆ
พอสองคนนี้มาที่บ้านฉันก็พอจะรู้ล่ะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนาย พวกเราก็เลยออกตามหานาย
เราไปที่ร้านกาแฟแห่งนึงก็เจอกับหมออาราอิเดะ เขาบอกว่าเห็นนายกับอาจารย์โจดี้ตรงมาทางนี้ฉันก็เลยพอจะเดาได้ลาง ๆ ว่านายกำลังถูกสะกดรอยตามไฮบาระเล่าต่อ
ฉันก็เลยเอาแว่นตาสำรองสะกดรอยตามมาอีกต่อนึง แต่ระหว่างทางแบตมันหมดเลยต้องให้หนูไอนำทางต่อจนมาถึงที่นี่ดร.อากาสะเล่า
พอมาถึงนี่เราก็ทำทีเป็นว่าให้หนูไอกลับเข้าไปในองค์กรอีกครั้งเพื่อเอาตัวแกออกมาโคโกโร่เล่า
แต่พอฉันเปิดประตูห้องขังของนายฉันก็แทบเป็นลมเพราะไม่เจอนายไฮบาระเล่าต่อ กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ดร.ก็ติดต่อมาว่านายอยู่กับเขา ฉันก็เลยหนีออกมา
แล้วทำไมต้องทุบหัวฉันด้วยล่ะโคนันถามอย่างเอาเรื่อง พลางเอามือจับหัวที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่
ก็นายดิ้นนี่นาดร.แก้ตัว
"แม้แต่กระจกที่สะท้อนทีอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่อาจสะท้อนตัวตนที่แท้จริงได้"
ตอนจบ : คดีสุดท้ายของโคนัน ตอนที่ 4
นายว่ายังไงบ้างน่ะลูกพี่ว็อดก้าถามหลังจากยีนโทรไปรายงานนายใหญ่เรื่องที่โคนันหายตัวไป
นายไม่รับโทรศัพท์ ฉันกำลังสงสัยว่ามันคงหนีไปทางช่องแอร์ยีนพูด
นั่นน่ะสินะลูกพี่ว็อดก้าเสริม
แย่จริง เอ๊ะ แล้วนี่เชอร์รี่หายไปไหนแล้วล่ะคริสถาม
เห็นว่าจะไปพักน่ะยีนตอบ
แต่เมื่อกี้นี้ ฉันไปดูที่ห้องของเธอมา ไม่เห็นมีใครเลยนี่คริสยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
หรือว่า…” ยีนพูดแล้วทิ้งท้ายเอาไว้

ทาคางิ ซาโต้ ทำอะไรทำไมไม่บอกฉันซักคำฮ่ะ คุณก็เหมือนกันหมออาราอิเดะ คุณเป็นหมอนะ นึกว่าตัวเองเป็นสายลับรึไง ทำอะไรไม่บอกผมสักคำสารวัตรเมงูเระเอ่ยขึ้น เขามาถึงหน้าโรงงานพร้อมกับกำลังเสริม
ขอโทษนะค่ะ สารวัตรหมวดซาโต้เอ่ยเสียงหวาน
สารวัตรครับผมว่าเราควรจะกระจายกำลังออกเป็นสี่ส่วนนะครับเฮย์จิที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น
ใช่ค่ะ ส่วนแรกเข้าทางหน้า ส่วนที่สองเข้าทางหลังคาซึฮะพูด
ส่วนที่สามทางซ้าย ส่วนที่สี่ด้านขวา แค่นี้เราก็ล้อมพวกมันไว้ทุกด้านแล้วล่ะค่ะรันพูดบ้าง
ฉันรู้หรอกน่า ฉันเป็นสารวัตรนะไม่ต้องให้เด็กอย่างพวกเธอมาสอนหรอกสารวัตรเมงูเระพูดขึ้นจากนั้นเขาก็สั่งแบ่งกระจายกำลังออกเป็นสี่ส่วน

ทำไมพวกเราไม่ไปเข้าด้านหน้าล่ะเฮย์จิ มาด้านซ้ายทำไม มีแต่ต้นไม้ทั้งนั้นเลยคาซึฮะเริ่มบ่นเพราะเฮย์จิ
บอกให้มาทางด้านซ้าย
เอาเถอะน่า เอะ นั่นรอยเลือดนี่เฮย์จิหันไปเห็นรอยเลือดของโคนันที่เกิดจากการโดนทุบหัวเข้าเข้า เขาเอานิ้วไปจับแล้วพูดขึ้นว่า
แห้งแล้ว คงจะมีมาประมาณ 2 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว
เลือดใครกันนะ หวังว่าคงจะไม่ใช่ของ…” รันพูดแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ไม่ใช่หรอกน่ารัน ทำใจให้สบายเถอะคาซึฮะปลอบ
เฮย์จิ ตรงนั้นมีบ้านร้างล่ะหมออาราอิเดะพูด
เราไปดูกันเถอะ หมวดทาคางิ คุณพากองกำลังบุกเข้าไปก่อนนะฮะ แล้วเดี๋ยวพวกผมตามไปเฮย์จิสั่งแล้วเรียกรันกับคาซึฮะแยกไปอีกทาง

ว่าไงทาคางิ นี่มันโรงงานร้างชัด ๆ พวกเธอกลับบอกว่านี่เป็นองค์กรอะไรไม่รู้บ้าบอสารวัตรพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ก็หมออาราอิเดะเค้าบอกว่าที่นี่มัน…” ทาคางิเถียง
เค้าเป็นหมอนะ ส่วนนายน่ะเป็นตำรวจ ทำไมต้องเชื่อเขาด้วยล่ะเมงูเระเริ่มระเบิดอารมณ์
ก็เค้าเป็น…”
ทาคางิคุงทาคางิพูดยังไม่ทันจบซาโต้ก็เรียกชื่อเขาเสียงดัง
เป็นอะไรสารวัตรถาม
เป็นเป็นคนที่น่าเชื่อถือนี่ครับทาคางิตอบ แต่คำตอบนี้ทำเอาเขาถึงกับโดนด่ายกใหญ่
งั้นเรารออยู่นี่ก่อน ดูซิว่าคุณหมอผู้น่าเชื่อถือจะว่ายังไงสารวัตรเริ่มโมโหสุดขีด

คุโด้เสียงเรียกจากเฮย์จิทำให้โคนัน ไฮบาระ ดร.อากาสะและโคโกโร่หันไปดู
พวกนายรัน เธอมาที่นี่ได้ยังไงโคนันถาม
พวกฉันไม่บื้อนิ่เฮย์จิตอบ
เรื่องมันยาวน่ะ เอาไว้ค่อยเล่าก็แล้วกัน เข้าไปในนั้นก่อนเถอะหมออาราอิเดะพูดพลางชี้นิ้วไปที่โรงงาน

ไม่มีทาง ในนี้มีคนอยู่แน่ ๆ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะไฮบาระโวยวายเมื่อเข้ามาในโรงงานซึ่งขณะนี้ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเขากับตำรวจกำลังเสริม
ในขณะที่สารวัตรเถียงอยู่กับคนอื่น ๆ โคนันก็เดินสำรวจไปทั่ว แต่เสียงของทุกคนทำให้สมาธิเขาแตกกระจายจนกระทั่ง
เงียบ ๆ กันหน่อยไม่ได้รึไงโคนัน เฮย์จิและโคโกโร่ตะหวาดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาสามนักสืบใหญ่กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะมีทางหนีทางอื่นหรือไม่ ทุกคนในที่นั้นเงียบลงทันที
วิ้ว วิ้ว

เสียงลมพัดโคโกโร่พูดขึ้น
แต่ในนี้ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีทางไหนที่ลมจะพัดได้เลย นอกจาก…” เฮย์จิพูด
ห้องใต้ดินโคนัน โคโกโร่ เฮย์จิพูดพร้อมกันอีกครั้ง
โคนันเดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นผนังที่นึงนูนขึ้นมาเขาจึงเอามือกดลงไป ทันใดนั้นผนังตรงนั้นก็ยุบตัวลงไปช้า ๆ ทันใดนั้นที่พื้นซึ่งเป็นปูนก็กำลังส่งเสียงดังเหมือนจะแยกจากกัน
ครืน ครืน

ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณกลางโรงงานก็แปลสภาพเปลี่ยนจากพื้นปูนกลายเป็นพื้นไม้ บนไม้มีปุ่มตัวอักษรอยู่เต็มไปหมด
คงต้องใช้รหัสโคโกโร่กล่าวขึ้น
รหัสอะไรล่ะเฮย์จิพูดขึ้น
อาจจะเป็นชื่อขององค์กร ไฮบาระ องค์กรเธอชื่ออะไรโคโกโร่ถาม
ฉันไม่เคยรู้หรอกว่าองค์กรชื่ออะไรไฮบาระตอบ เป็นคำตอบที่ทำเอาสามนักสืบแทบอยากจะร้องไห้
บางทีอาจจะเป็นคำว่า dead devil ก็ได้นะโคนันพูดขึ้น เฮย์จิลองกดดู พื้นเริ่มสั่นอีกครั้งแล้วก็แยกออกเป็นสองทางมีบันไดให้ลงไปข้างล่าง
เฮ้ นายรู้ได้ไงน่ะคุโด้เฮย์จิถาม
แล้วฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง

หยุดทำไมล่ะยีน เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันพอดีคริสถาม
ไม่หรอก พวกมันไม่รู้หรอกยีนว่า
แต่เชอร์รี่อาจจะพาพวกนั้นมาว็อดก้าพูดบ้าง

ไม่มีใครรู้เรื่องห้องใต้ดินนี่ นายไม่เคยบอกใครนอกจากฉัน และถึงจะรู้ว่ามีห้องนี่แต่ก็ไม่มีทางรู้รหัสหรอกยีนพูด
นายสร้างห้องนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคริสถาม
นายไม่ได้สร้างเองหรอก นายจ้างนายนานาตะมาสร้าง เมื่อปีที่แล้วแต่เพิ่งจะเสร็จเมื่อไม่กี่เดือนนี้เองยีนอธิบาย
มิน่า นายไม่ให้มานี่เลย ตั้งแต่ปีก่อนว็อดก้าพูดขึ้น
หยุดนะ พวกนายหนีไปไหนไม่รอดแล้วล่ะเสียงของเฮย์จิดังขึ้นพวกเขาไล่มาทันแล้ว
แย่แล้วยีน เราจะทำยังไงต่อล่ะคริสถาม
เธอกับว็อดก้า แล้วก็คนอื่น ๆ ต้องโดนจับน่ะสิยีนตอบ
อะไรนะคริสถาม

เห็นมั้ยล่ะค่ะ สารวัตรที่นี่มีคนอยู่จริง ๆ ด้วย…” ซาโต้พูดขึ้นแต่ก็ต้องชะงักไปเพราะเมงูเระไม่ได้อยู่ตรงนั้น
เอ๋ สารวัตรหายไปไหนนะ คุณรันเห็นบ้างไหมค่ะซาโต้ถาม
ไม่เห็นเลยล่ะค่ะ โคนัน ก็หายไปเหมือนกันค่ะรันตอบ
คุณซาโต้ครับ เดี๋ยวผมจะพาผู้ต้องหากลับสน.ก่อนนะครับทาคางิมารายงาน ผู้ต้องหาของเขาก็คือ คริส ยีน ว็อดก้า และสมาชิกขององค์กรอีกหลายคน

จะหนีไปไหนเหรอครับคุณ dead devil หรือจะให้ผมเรียกว่าสารวัตรเมงูเระเหมือนเดิมล่ะฮะโคนันเอ่ยขึ้น ทำให้คนข้างหน้าหยุดกึก
เธอพูดอะไรน่ะโคนัน ฉันแค่จะมาเดินสำรวจรอบ ๆ ซะหน่อยก็เท่านั้นเมงูเระแก้ตัว
หยุดเถอะครับ สารวัตรผมจำเสียงคุณได้นะครับโคนันพูดต่อ
ถ้าเธอจะพูดอย่างงั้นล่ะก็ ฉันก็คงต้องขอถามเธอซะหน่อยล่ะว่า เธอมีหลักฐานอะไรหรือเปล่าเมงูเระพูด



"แม้แต่กระจกที่สะท้อนทีอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่อาจสะท้อนตัวตนที่แท้จริงได้"
ตอนจบ : คดีสุดท้ายของโคนัน
ผมไม่มีหลักฐานหรอกครับ แต่ถ้าให้พวกนั้นชี้ตัวล่ะก็ ยังไงสารวัตรก็คงหนีไม่รอด มอบตัวเถอะนะครับโคนันพูดต่อ
ไม่ได้หรอกนะเมงูเระพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าพร้อมกับหยิบปืนขึ้นมา
ชินอิจิคุง ฉันไม่อยากทำอย่างงี้เลย ไม่อยากให้เธอต้องตายด้วยน้ำมือของฉันเลยเมงูเระพูดต่อ
ถ้าจะกรุณาผมล่ะก็ ช่วยบอกหน่อยเถอะครับว่าทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ คุณสร้างองค์กรนี่ทำไมกันโคนันถาม
เพราะว่าฉันอยากได้เธอคืนมาน่ะสิ เธอคนนั้น คนที่ฉันเฝ้ารอมาแสนนานเมงูเระพูด
ใครกันครับโคนันถามต่อ
ลูกสาวของฉัน เมื่อหลายปีก่อน...ก่อนที่เธอจะเกิดซะอีก ตอนนั้นมิโดริ (ภรรยาสารวัตรค่ะ) เธอคลอดลูกสาวคนแรกของฉันแต่...แต่หลังจากคลอดได้ไม่กี่วันลูกสาวฉันก็ตาย ฉันเสียใจมาก ฉันอยากจะชุบชีวิตลูกสาวฉันขึ้นมา ฉันก็เลยแอบสร้างองค์กรนี้ขึ้นมาเงียบ ๆเมงูเระอธิบาย
แล้วทำไมถึงต้องฆ่าคนมากมายด้วยล่ะครับโคนันถามต่อ
เอามาทดลองยาน่ะสิ คนพวกนั้นอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ เอามาลองยาซะยังจะดีกว่าเมงูเระอธิบาย คำอธิบายนั้นทำเอาโคนันถึงกับเสียวสันหลัง
เอาละ ถึงเวลาของเธอแล้วชินอิจิคุงเมงูเระพูดขึ้น
โคนันหลับตาสนิท เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นคนที่เขาไว้ใจมากคนนึง ไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนของพ่อจะมาฆ่าเขา
ปัง

เสียงปืนดังขึ้นแล้ว แต่โคนันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่เป็นอะไรเลย เมื่อเขาลืมตาขึ้นภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
หมออาราอิเดะกับเฮย์จิแล้วก็โคโกโร่กำลังจับตัวสารวัตรอยู่ ตรงหน้าเขามีร่าง ๆ หนึ่งนอนจมกองเลือด เธอถูกยิง
ไฮบาระโคนันตะโกน
ทำไมเธอทำอย่างงี้ล่ะพูดพลางก็คุกเข่าลงข้าง ๆ ร่างของเด็กสาวที่มีลมหายใจอ่อนระรวย ช้อนศีรษะเธอมาไว้บนตัก
ฉันอยากจะไถ่บาปทั้งหมดที่ฉันทำไปน่ะสิ แล้วอีกอย่างเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือฉันรักนายคำตอบนั้นแผ่วเบาแต่จับจิตจับใจคนฟังเหลือเกิน
เธออย่าเพิ่งพูด….” โคนันพูดยังไม่ทันจบ ไฮบาระก็ยกมือขึ้นปิดปากเขา มืออีกข้างของเธอล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
นี่คือยา CX 800 T มันจะทำให้นายกลับไปเป็นคุโด้ ชินอิจิเหมือนเดิมไฮบาระพูดเสียงแผ่วเบากว่าเดิม
ทำไมเธอไม่กินล่ะโคนันถาม
มันมีอยู่เม็ดเดียว แล้วฉันก็กำลังจะตาย นายเอาไปเถอะโคนันรับยามาจากไฮบาระ ทันใดนั้นร่างกายของเด็กสาวก็หยุดการทำงาน เธอตายซะแล้ว
ไฮบาระโคนันตะโกนออกมาอีกครั้ง

ณ สำนักงานนักสืบโมริ
ทำไมเธอไม่พูดกับคุโด้คุงล่ะ รัน ตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นคนเดิมแล้วนี่นาคาซึฮะถาม แต่ไม่มีคำตอบจากปากรัน
อ้าว เฮย์จิ คุโด้ มากันแล้วเหรอคาซึฮะยังพูดต่อ
เล่าให้ฟังบ้างซิ ผลการสอบปากคำน่ะคาซึฮะยังถามต่ออย่างสงสัย ชินอิจิเหลือบตาไปดูหน้ารันแวบนึง ตั้งแต่กลับมาจากโรงงานจนถึงวันนี้ก็สิบวันแล้ว แต่รันยังไม่พูดกับเขาเลย
ก็ไม่มีอะไรนี่ พวกนั้นก็รับสารภาพ สารวัตรก็โดนจับ ส่วนยีนก็…” เฮย์จิพูดไม่ทันจบชินอิจิก็สวนขึ้นว่า
พวกนายเล่ามาก่อนเถอะว่าตามฉันไปที่โรงงานได้ยังไงชินอิจิถามบ้าง
อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ…” คาซึฮะพูดแล้วหันไปมองหน้ารัน
ผมเล่าเองก็แล้วกันครับหมออาราอิเดะพูด เขาเดินเข้ามาพร้อมกับใครคนนึงที่ทำเอาคาซึฮะกับรันตะลึง
ยีนรันกับคาซึฮะพูดพร้อมกัน
ไม่ใช่หรอกครับ ชื่อจริง ๆ ของเขาคือ อากาอิ ชูอิจิ เค้าเป็นเหมือนกับผมหมออาราอิเดะอธิบายแล้วก็เล่าว่า
คือความจริงแล้วผมเป็น FBI น่ะครับ เขาก็ด้วยพูดแล้วก็ชี้ไปที่ยีนเค้าปลอมตัวเข้าไปสืบเรื่ององค์กรน่ะครับ เพราะทาง FBI สืบได้ว่าที่ญี่ปุ่นมีองค์กรลึกลับที่จัดตั้งขึ้นเพื่อฆ่าและชุบชีวิตคนน่ะครับพูดจบแล้วก็หันมาทางชินอิจิ
สำหรับเรื่องที่ตามไปที่โรงงาน คือ ตอนนั้นผมอยู่ที่ร้านกาแฟนั้นพอดี เห็นคุณโดนอาจารย์โจดี้ เอ๊ย คริส เขาสะกดรอยตามคุณอยู่ กำลังจะตามไปก็พอดีเจอกับพวกคุณโมริ พอบอกทางพวกเค้าเสร็จผมก็รีบมาหาคุณรันทันที….อย่างที่บอกแหละครับ ชูอิจิปลอมตัวเป็นยีนแฝงตัวอยู่ในองค์กร พอเขารู้ว่าตัวจริงของโคนันคือใครผมก็เลยได้รู้ด้วยว่าโคนันก็คือคุโด้ ชินอิจิผมก็เลยคิดว่าน่าจะมาบอกรัน แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะรู้อยู่แล้วอาราอิเดะเล่าถึงตรงนี้รันก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ชินอิจิยังไม่สนใจเขาขอให้หมออาราอิเดะเล่าต่อ
จากนั้นรันก็โทรไปหาคุณคาซึฮะ จากนั้นคุณคาซึฮะกับเฮจิย์ก็มา เราจึงตัดสินใจโทรหาหมวดซาโต้กับหมวดทาคางิ จากนั้นผมก็ทำทางทุกคนไปที่โรงงานตามทางที่ชูอิจิเคยบอกเอาไว้อาราอิเดะเล่าต่อ
เดี๋ยวนะครับ ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าคุณรู้แล้วน่ะซิว่าสารวัตรเป็นหัวหน้าแก๊งค์ ไม่งั้นคุณคงโทรไปหาเขาชินอิจิถาม
ไม่รู้หรอกครับ เราแค่สงสัยเท่านั้นล่ะครับ
เพราะผมไม่ดีเอง ผมไม่แน่ใจว่าเขาเป็นสารวัตรหรือว่ารองสารวัตรยีนหรือชูอิจิที่นิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้น
แล้วไฮบาระ รู้รึเปล่าว่าใครเป็นหัวหน้าแก๊งค์เฮย์จิถามต่อ
ไม่รู้หรอก เธอทำงานอยู่แต่ในห้องแลปพอพูดถึงไฮบาระ ชินอิจิสังเกตเห็นว่าชูอิจิมีน้ำตาเอ่อขึ้นมานิด ๆ เขาคิดว่าชูอิจิคงจะชอบไฮบาระ เลยเปลี่ยนเรื่องพูด
นายนานาตะคือใครกันแน่ชินอิจิถาม
มันเป็นโจรปล้นธนาคารเมื่อหลายปีก่อนชื่อจริง ๆ ของมันก็คือ คาโน ไซโซ คนที่ใคร ๆ ก็คิดว่าตายไปแล้ว มันมีความสามารถเรื่องกลไกมาก นายเมงูเระเลยจ้างมาสร้างห้องใต้ดินชูอิจิอธิบาย
แล้วเรื่องคนทรยศขององค์กรล่ะครับชินอิจิถามเรื่องที่เขาได้ยินที่โรงงาน
ฉันปล่อยข่าวนี้ออกไปเองแหละ ที่จริงไม่มีคนทรยศหรอก ฉันแค่อยากให้พวกมันระแวงกันเองชูอิจิอธิบายอีก
แล้วทำถึงลงไปอยู่ห้องใต้ดินกันล่ะเฮย์จิถามบ้าง
เพราะฉันคิดว่าเชอร์รี่คงจะทรยศองค์กรเข้าแล้วจริง ๆ และคิดว่าเธออาจจะพาตำรวจมาที่นี่ ฉันเลยคิดว่าถ้าอยู่ข้างบนล่ะก็อาจมีใครในองค์กรหนีออกไปได้ ฉันเลยหลอกต้อนทุกคนลงไปในห้องใต้ดินชูอิจิเล่าอีกแล้วย้อนถามว่า
คุณรู้รหัสผ่านห้องใต้ดินได้ยังไง
พ่อผมเคยบอกว่าเมื่อก่อนสารวัตรชอบพูดคำนี้บ่อย ๆ น่ะครับชินอิจิอธิบาย

เมื่อหมดเรื่องที่สงสัยแล้วชินอิจิก็ขอตัวมาง้อรัน

รัน ที่แท้เธอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันคือ…” ชินอิจิพูด
ฉันไม่โง่นี่….แต่ที่ฉันไม่พูดก็เพราะว่าฉันฉันรออยู่รอให้นายบอกความจริงทั้งหมดจากปากนายแต่….แต่นายก็ไม่เคยพูดเลยไม่เคยเลยรันพูดพลางเอามือป้ายน้ำตาที่กำลังไหลอยู่
รันเธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ชินอิจิถาม
มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ทำไมนายไม่ยอมบอกฉันตะหากล่ะพูดพลางน้ำตาก็ไหลออกมาอีกคราวนี้เธอไม่สนใจจะเช็ดมันแล้ว
ก็เพราะว่าฉันกลัวนะสิ กลัวว่าเธอกับใครต่อใครจะตกอยู่ในอันตรายฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเธอเลยนะรันฉันฉันฉันรักเธอนะรันในที่สุดชินอิจิก็พูดคำว่ารักออกมาจนได้ ทำเอารันถึงกับหน้าแดง
จริงเหรอคนหน้าแดงถามขึ้น
จริงซิแล้วเธอล่ะ รักฉันบ้างรึเปล่าชินอิจิถามบ้าง
อือรันตอบแค่นี้แต่ก็ทำเอาชินอิจิหน้าแดงไปเลยเหมือนกัน

รันพ่อมีข่าวดีมาบอกโคโกโร่พูดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง
อะไรค่ะพ่อรันถาม
พ่อกับแม่ดีกันแล้วนะโคโกโร่บอก หน้าของเขาเป็นสีแดงหน่อย ๆ
จริงเหรอค่ะรันถาม โคโกโร่พยักหน้าช้า ๆ ทันใดนั้นเอริแม่ของรันก็หอบกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้าน

เร็ว ๆ เข้าซิยัยคาซึฮะเฮย์จิเร่ง
จะรีบอะไรนักหนานะคาซึฮะว่าพลางถลึงตาใส่เฮย์จิ
เฮ้ เฮย์จิทำไมช้าจังชินอิจิถามเขาเดินเข้ามาพร้อมกับรัน
ก็ยัยคาซึฮะน่ะสิ มัวแต่เลือกดอกไม้อยู่นั่นล่ะ
อ้าว ก็วันนี้เป็นวันแต่งงานของหมวดซาโต้กับหมวดทาคางินิ ฉันก็ต้องเลือกดอกไม้สวย ๆ หน่อยล่ะ แต่ว่าวันนี้มีแขกมาเยอะจังเลยนะคาซึฮะพูดพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้าน
ก็หมวดซาโต้น่ะ เขารู้จักคนเยอะเสียงอธิบายเป็นของโซโนโกะที่เดินเข้ามาพร้อมกับเคียวโกขุ
ขนาดพ่อกับแม่หมอนี่ยังมาเลยรันพูดแล้วชี้ไปที่ชินอิจิ
สองคนนั่นน่ะ เขาจะกลับมาอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะชินอิจิบอก
จริงเหรอ ดีจังนะรันว่า
เอาล่ะ ฉันว่าเราไปอวยพรสองหมวดกันดีกว่านะคาซึฮะพูด แล้วทั้งหกคนก็เดินเข้าไปอวยพรหมวดซาโต้กับหมวดทาคางิ
_________________
สรุป

โคนันคืนร่างเดิม  
เมงุเระเป็นหัวหน้าชายชุดดำเพื่อต้องการช่วยลูก
ไฮบาระตาย